วันพุธที่ 18 กันยายน พ.ศ. 2556

Showcase by "ECT"

     "Techno Showcase ก้าวล้ำนำการศึกษา" งานนิทรรศการที่จัดขึ้นโดยนิสิตปี 4 สาขาวิชาเทคโนโลยีทางการศึกษา มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ หนึ่งในนิสิตที่มีส่วนร่วมในการจัดงานนี้ ก็คือเราเองค่ะ :))


ภาพโปสเตอร์โปรโมทงานนิทรรศการ Techno Showcase
\
   นิทรรศการนี้มีจุดประสงค์ เพื่อให้ผู้เข้าชมนิทรรศการได้เห็นถึงประโยชน์และความสำคัญของเทคโนโลยีกับการศึกษา 

    โดยในงานประกอบด้วยบูทจำนวน  8  บูทด้วยกัน  คือ
1.       TECH FOR TEACH  (สื่อการสอนเพื่อการศึกษา) 
2.       NOW YOU SEE ME (โทรทัศน์เพื่อการศึกษา)
3.       SEE SNAP  (ภาพถ่ายเพื่อการศึกษา)
4.       READ ME PLEASE  (สื่อสิ่งพิมพ์เพื่อการศึกษา)
5.       DO YOU HEAR ME ?  (วิทยุเพื่อการศึกษา)
6.       AWAY SO FAR   (การศึกษาทางไกล)
7.       AROUND THE WORLD  (โซเชียลมีเดียกับการศึกษา)
8.       X- PLORING TECH FOR FUN  (เกมส์เพื่อการศึกษา)

         เรามีส่วนรับผิดชอบในบูท Now You See Me ซึ่งเป็นบูทที่เกี่ยวข้องกับโทรทัศน์เพื่อการศึกษา กับสมาชิกคนอื่นๆ อีก รวมทั้งหมด  6 คน ได้แก่ ฟ้า(เราเอง) ส้ม เก่ง ณัฐ แก๊ป และยอด ทุกคนตั้งใจทำงานกันมากค่ะ พวกเราช่วยกันกำหนดเนื้อหาภายในงาน ออกแบบโปสเตอร์ให้ Info Graphic เพื่อสรุปความรู้ให้ผู้อ่านได้เข้าใจง่ายยิ่งขึ้น กำหนดสัดส่วนพื้นที่การจัดกิจกรรม รวมไปถึงแก้ปัญหาต่างๆ ที่ต้องพบในการทำงาน 

สมาชิกในบูท Now You See Me

       ใช้พื้นที่ในการจัดงานค่อนข้างมาก ภายในบูทแบ่งออกเป็นหลายโซนด้วยกัน อาทิ เวทีในการจัดกิจกรรม โซนตัดต่อ บริเวณสตูดิโอ บอร์ดโปสเตอร์ให้ความรู้ เป็นต้น
          กิจกรรมในบูทของเราคือ ให้ผู้ที่สนใจเข้ามาทำกิจกรรม work shop ในขั้นตอนการถ่ายทำรายการโทรทัศน์เพื่อการศึกษา ไม่ว่าจะเป็นการทดลองตัดต่อรายการ การได้ลองใช้กล้องในการถ่ายทำ และการได้ลองเป็นพิธีกรในรายการโทรทัศน์เพื่อการศึกษา ส่วนใหญ่ผู้ที่เข้าร่วมกิจกรรมสนใจการได้ลองเป็นพิธีกรมากที่สุดค่ะ ธีมรายการของเราคือรายการข่าวเพื่อการศึกษา ผู้ที่เข้าร่วม work shop ก็จะต้องอ่านข่าวให้เหมือนกับว่าตัวเองได้เป็นนักข่าวจริงๆ เมื่อถ่ายเสร็จแล้วก็จะฉายไปยังหน้าจอโทรทัศน์ ซึ่งจะเป็นที่ชื่นชอบของผู้ที่มาร่วมทำกิจกรรมมากเลยค่ะ 

มาทดลองเป็นพิธีกรในสตูดิโอของบูทตัวเองด้วย 55
           
         ทุกคนที่เข้ามามีส่วนร่วมกับบูท Now You See Me ก็จะได้รับของที่ระลึกทุกคนเลยค่ะ แต่ที่ดึงดูดความสนใจให้ผู้คนเข้ามาร่วมทำกิจกรรมกับพวกเรามากที่สุด เห็นทีจะเป็นบัตรกิฟต์การ์ดชมภาพยนตร์ในเครือเมเจอร์ซีนิพล็กซ์ ที่มีจำนวนจำกัด สามารถสร้างความครึกครื้นภายในบูทได้เป็นอย่างดี นอกจากของที่ระลึกแล้ว พนักงานประจำบูทยังสวมใส่ชุดเป็นสัตว์ต่างๆ ทำให้บูทดูน่าสนใจมากยิ่งขึ้น 


พนักงานประจำบูทสวมใส่ชุดเป็นสัตว์ต่างๆ 


บัตรกิฟต์การ์ดชมภาพยนตร์ในเครือเมเจอร์ซีนิพล็กซ์

ประทานบูท Now You See Me ทุ่มเทและตั้งใจมาก

          การประเมินกิจกรรมในภาพรวมของบูท Now You See Me ในสายตาเราออกมาในเกณฑ์ดีค่ะ (นี่เข้าข้างตัวเองไปหรือเปล่าเนี่ย 5555 เขาเรียกให้กำลังใจตัวเองเนอะๆ ) เพราะทุกคนร่วมแรงร่วมใจกันทำให้ผลงานออกมาดีเกินคาด บูทอื่นๆ ที่นอกเหนือจากบูทเราก็พยายามใช้กิจกรรมหรือสิ่งของรางวัลต่างๆ เพื่อเรียกความสนใจจากผู้ที่จะมาเข้าร่วมกันสุดๆ ทำให้นิทรรศการ Techno Showcase ของพวกเรามียอดผู้เข้าชมทะลุไปพันกว่าคนกันเลยทีเดียวค่ะ


      สิ่งที่ได้จากการจัดนิทรรศการครั้งแรก ที่แน่ๆ เลยคือได้ประสบการณ์ที่ดีทำให้เรารู้วิธีการทำงานในขั้นตอนต่างๆ ที่เราไม่เคยทำ รวมถึงฝึกการแก้ปัญหาในสถานการณ์เฉพาะหน้า ที่อาจจะได้เจอจริงๆ ในอนาคต และความภาคภูมิใจของชาวเทคโนฯ กับการแสดงความเป็นเราให้ผู้คนที่เข้ามาร่วมงานได้รู้จักสาขาวิชาของเรามากยิ่งขึ้น แม้จะเหนื่อยบ้าง แต่ผลที่ออกมาบอกได้เลยว่าคุ้มค่ะ :)

l,
สมาชิกเทนโนฯ ทั้งหมดรวมถึงอาจารย์นัทธีรัตน์ ที่ร่วมด้วยช่วยกันจัดนิทรรศการนี้ให้เป็นนิทรรศการที่สมบูรณ์








นิทรรศการง่ายๆ เพียงปลายนิ้ว

   คุณรู้จักกับนิทรรศการดีแค่ไหน ?

     นิทรรศการ คือ การจัดแสดงข้อมูล รวมไปถึงเนื้อหาต่าง ๆ จัดทำด้วยวัสดุ สิ่งของ และอุปกรณ์ต่าง ๆ และมีการผสมผสานกิจกรรมต่าง ๆ เข้าไว้ด้วยกัน เช่น การอภิปราย การบรรยาย การประกวด เพื่อเป็นการให้ความรู้กับผู้ที่เข้าร่วมนิทรรศการ โดยในการจัดนิทรรศการในแต่ละครั้งจะมีจุดมุ่งหมายในการจัดนิทรรศการที่ชัดเจน ซึ่งในภาษาอังกฤษจะเรียกว่า Exhibition ซึ่งมีความหมายใกล้เคียงกับคำในภาษาอังกฤษว่า Display แปลว่า การจัดแสดง
     นิทรรศการแบ่งตามลักษณะการจัดเป็น 3 ประเภท ได้แก่ นิทรรศการถาวร นิทรรศการชั่วคราว และนิทรรศการเคลื่อนที่ นอกจากนี้ยังมีสิ่งที่ต้องคำนึงในการจัดด้วย ไม่ว่าจะเป็น วัตถุประสงค์ กลุ่มเป้าหมาย เป็นต้น

 รู้ไหม ? ว่า นิทรรศการ ก็มีแบบออนไลน์

     เชื่อว่าหลายคนคงไม่เคยทราบว่ามีนิทรรศการออนไลน์เหมือนกัน รวมถึงเราเองด้วยที่พึ่งจะทราบไม่นานมานี้เหมือนกันค่ะ ฮ่าๆ
     นิทรรศการที่เราคุ้นเคยกัน มักจะเป็นนิทรรศการที่จัดขึ้นตามสถานที่ต่างๆ ที่ใครสนใจอยากไปชมหรือศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องนั้น ก็ต้องเสียค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปสถานที่นั้นโดยตรง
     เดี๋ยวเขียนเฉยๆ จะนึกไม่ออก เราเลยมีตัวอย่างนิทรรศการออนไลน์มาให้ดู เพื่อให้ทุกคนได้เห็นภาพกันมากขึ้นค่ะ


 ภาพตัวอย่างเว็บไซต์นิทรรศการออนไลน์


     เว็บไซต์นิทรรศการออนไลน์ Digital Rare Book นี้ เป็นนิทรรศการออนไลน์ที่มีเนื้อหาเกี่ยวข้องกับหนังสือหรือของสะสมที่หาดูได้ยากในปัจจุบัน แต่ส่วนมากจะเน้นไปที่หนังสือหายากเสียมากกว่า เราคิดว่าคนที่ชอบเกี่ยวกับแนวนี้น่าจะถูกใจเลยละค่ะ เพราะทางเว็บไซต์นี้นอกจากเราจะได้เข้าไปรับความรู้แล้ว เรายังสามารถติดต่อกับทางเจ้าของเว็บไซต์เพื่อแบ่งปันข้อมูลและรูปภาพของหนังสือหายากที่เรามีลงในเว็บไซต์ได้เช่นกัน กลายเป็นเราก็สามารถมีส่วนร่วมในการจัดนิทรรศการก็ว่าได้ นอกจากนี้ทางเว็บไซต์ยังมีการจำหน่ายหนังสือหายากอีกด้วยค่ะ  เพราะจุดประสงค์ของนิทรรศการออนไลน์นี้ คือ แสดง ประมูล จำหน่าย และ แลกเปลี่ยน (หนังสือหายาก)
     นิทรรศการออนไลน์เช่นนี้มีข้อดีตรงที่ไม่ว่าเราจะอยู่ที่ไหน หากมีคอมพิวเตอร์และอินเทอร์เน็ตก็สามารถเข้าถึงได้อย่างง่ายดายเพียงปลายนิ้ว และลดค่าใช้จ่ายต่างๆ ได้ แต่ส่วนตัวเราคิดว่านิทรรศการออนไลน์ ไม่สามารถให้บรรยากาศได้ดีเท่าเราได้ไปชมนิทรรศการจากสถานที่จริง เพราะทุกสถานที่ที่จัดนิทรรศการ ล้วนตกแต่งบรรยากาศภายในงานให้ชวนเข้าชมและสอดคล้องกับเนื้อหาให้มากที่สุด เพื่อให้ผู้ที่เข้าชมได้อรรถรสในการชมนิทรรศการนั้นๆ และเพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ในการจัดนิทรรศการ

ภาพตัวอย่างเว็บไซต์นิทรรศการออนไลน์

ภาพตัวอย่างเว็บไซต์นิทรรศการออนไลน์

     ข้อมูลในวันนี้น่าจะเป็นประโยชน์สำหรับผู้ที่สนใจในงานนิทรรศการ แต่ไม่ค่อยมีเวลาว่างกันนะคะ นอกจากเว็บไซต์นิทรรศการออนไลน์ที่เรายกตัวอย่างมานี้ ยังมีเว็บไซต์นิทรรศการออนไลน์ที่น่าสนใจอีกมากมายเลยค่ะ หากใครสนใจเรื่องไหนเป็นพิเศษ อย่าลืมนะคะว่าตอนนี้เราก็สามารถเข้าชมนิทรรศการง่ายๆ ได้เพียงปลายนิ้วกันแล้ว

หากสนใจนิทรรศการ Digital Rare Book หรืออยากอ่านเพิ่มเติม สามารถคลิ้กได้ ที่นี่ ค่ะ

ขอบคุณข้อมูลเพิ่มเติมจาก : http://blog.eventwhenwhere.com
                                              : http://www.digitalrarebook.com/

วันอังคารที่ 17 กันยายน พ.ศ. 2556

Seashell @Bangkok

    เมื่อหลายวันก่อน ได้มีโอกาสไปดูพิพิธภัณฑ์หอยที่ตั้งอยู่ใจกลางกรุงเทพฯ มาค่ะ ก็เลยถือโอกาสเก็บข้อมูลและบรรยากาศเล็กๆ น้อยๆ เกี่ยวกับสถานที่แห่งนี้มาฝากทุกท่านกันด้วย
    พิพิธภัณฑ์ที่พูดถึงนี้มีชื่อว่า 'พิพิธภัณฑ์หอยกรุงเทพฯ' (Bangkok Seashell Museum)


พิพิธภัณฑ์หอยกรุงเทพฯ

    การเดินทางนั้นก็ง่ายแสนง่ายค่ะ สามารถเดินทางไปได้โดยรถไฟฟ้า BTS ลงที่สถานีสุรศักดิ์ แล้วเดินย้อนมาทางสี่แยกสาทรสุรศักดิ์แล้วเลี้ยวขวา เมื่อเจอถนนสีลมก็เลี้ยวซ้าย ตั้งอยู่ตรงหัวมุมถนน สีลม ซอยสีลม 23 พอดิบพอดี
     สำหรับค่าเข้าชม เด็กจะอยู่ที่ราคา 50 บาท ผู้ใหญ่ 100 บาท แต่ถ้าใช้บัตรนิสิตนักศึกษา หรือบัตรนักเรียนก็จะเข้าชมได้ในราคาเด็ก(50 บาท) ซึ่งแน่นอนค่ะ เราแสดงบัตรนิสิตในการเข้าชม ฮ่าๆ
     พิพิธภัณฑ์แห่งนี้เกิดขึ้นจากความรัก ความรอบรู้ และ ความเชี่ยวชาญในเปลือกหอยของ “คุณจอม : สมหวัง ปัทมคันธิน” สุดยอดแฟนพันธุ์แท้เปลือกหอย 2 สมัย (ปี 2007 และปี 2008) ผู้คว้ารางวัลคะแนนโหวตสูงสุดปี 2008  ทายาทของคุณสมนึก ปัทมคันธิน เจ้าของพิพิธภัณฑ์เปลือกหอย ที่หาดราไวย์ จังหวัดภูเก็ต สถานที่แห่งนี้จัดแสดงเปลือกหอยทั้งหมด 3 ชั้นด้วยกัน

     ชั้นที่ 1 จะได้ทำความรู้จักกับวิธีการสร้างเปลือกของหอย “เปลือกหอยเกิดขึ้นได้อย่างไร”

บริเวณชั้น 1


บริเวณชั้น 1

     ชั้นที่ 2  คุณจะได้ตื่นตากับสีสันของเปลือกหอยที่สวยงามจนได้ชื่อว่า อัญมณีแห่งท้องทะเล

บริเวณชั้น 2

หอยเชลล์จากบริเวณชั้น 2


     ชั้นที่ 3 ศึกษาพฤติกรรมการล่าเหยื่อ และการเอาตัวรอด ของหอยชนิดต่างๆ รวมไปถึงหอยทากต้นไม้ ที่หาชมได้ยากในปัจจุบัน

บริเวณชั้น 3

หอยสีสันสวยงามจากบริเวณชั้น 3


     พิพิธภัณฑ์หอยกรุงเทพจัดได้ว่าเป็นนิทรรศการถาวร ที่เป็นประโยชน์กับผู้ที่ต้องการศึกษาเพิ่มเติมเกี่ยวกับหอยแต่ละชนิด เพราะภายในมีบอร์ดความรู้เกี่ยวกับหอยชนิดต่างๆ ให้ผู้เข้าชมได้อ่านอย่างครบถ้วนหลากหลายสายพันธุ์ รวมไปถึงผู้เข้าชมจะได้รับความเพลิดเพลิน ตื่นตาตื่นใจกับความสวยงามของเปลือกหอยที่รับรองได้ว่า จะต้องเกิดความประทับใจเช่นเดียวกับเราแน่นอนค่ะ นอกจากนี้พี่ที่เป็นพนักงานต้อนรับก็ใจดีกับพวกเรามาก (ไปกันหลายคนค่ะ) ยิ้มแย้มแจ่มใส เต็มใจตอบคำถามทุกข้อสงสัยที่เรามี

เพื่อนร่วมเดินทางในการมาเยือนครั้งนี้

     แต่ขอเสนอแนะเรื่องความสะอาดนิดนึงนะคะ ในตู้ที่จัดแสดงเปลือกหอยมันมี ..ซากแมลงสาบค่ะ มีแต่ซากแมลงสาบนอนตายข้างเปลือกหอยหลายตัวเลยค่ะ T^T เราเกลียดแมลงสาบมาก เลยพลอยทำให้ความประทับใจในการรับชมหดหายไปเยอะเลย  ถ้าจำไม่ผิดจะมีในชั้นที่ 1 และชั้นที่ 2 นะคะ ก็เข้าใจว่าการรื้อตู้เพื่อเอาแมงสาบเพียงไม่กี่ตัวออกมามันจะเป็นความยุ่งยากมาก เพราะตู้จัดแสดงค่อนข้างเป็นแบบปิดตายต้องรื้อบริเวณเพดานออก แต่มันก็ควรทำนะคะ เพราะชาวต่างชาติค่อนข้างให้ความสนใจกับที่นี่พอสมควร และจะทำให้เปลือกหอยได้มีคุณค่าอย่างที่ควรมีด้วยค่ะ ในภาพรวมที่นี่ก็ถือว่าอยู่ในเกณฑ์ที่ดีค่ะ
     พิพิธภัณฑ์หอยกรุงเทพฯ เปิดทุกวัน ตั้งแต่ 10.00-20.00 น. หากใครสนใจหรืออยากทราบรายละเอียดเพิ่มเติมก็สามารถโทรศัพท์สอบถามได้ที่เบอร์ 0-2234-0291 ค่ะ

วันอังคารที่ 12 มีนาคม พ.ศ. 2556

'awesome' Way

   สวัสดีค่ะผู้อ่านทุกคน เร็วๆ นี้เราได้รับมอบหมายงานชิ้นใหญ่ประจำปี 3 มา เรียกได้ว่าเป็นงานที่ทำให้เกิดเป็นความภาคภูมิใจในชีวิตชิ้นหนึ่งเลยละค่ะ
   หากพูดถึงการทำนิตยสารหนึ่งเล่ม ที่มีทีมงานอยู่เพียง 5 คน.. ผู้อ่านคงสงสัยว่า 'เห้ย แค่ 5 คน จะทำงานกันได้อย่างไร ? ' ครั้งแรกที่เรารู้ เราก็มีความคิดนี้ผุดขึ้นมาในหัวเหมือนกันค่ะ แล้วก็รู้ว่ามันไม่ง่ายเลยจริงๆ ...
   ใช่แล้วค่ะ งานที่พวกเรานิสิตปี 3 ได้รับมอบหมายมาก็คือ ต้องทำนิตยสาร ที่มีสาระความรู้ 1 เล่ม ที่มีสมาชิก 5 คน และทุกคนต้องมีคอมลั่มที่ตัวเองรับผิดชอบ ลงไปเก็บข้อมูลจากบุคคลหรือสถานที่จริงอย่างน้อย 1 คอลั่ม นิตยสารที่กลุ่มของเราทำ เป็นนิตยสารที่เน้นกลุ่มเป้าหมายคือคนกรุงเทพฯ ที่อยู่ในวัยทำงาน เนื้อหาก็จะเน้นสิ่งแปลก ใหม่ เพื่อคนกรุงเทพฯ โดยเฉพาะ
    ด้วยความที่เป็นคนต่างจังหวัด ก็จำเป็นต้องศึกษาข้อมูลเพิ่มเติม ว่าคนกรุงเทพฯ ในเวลานี้ เขากำลังสนใจอะไรเป็นพิเศษ ลักษณะการใช้ชีวิตประจำวันของเขาเป็นอย่างไร ที่สำคัญคือ อะไรคือสิ่งที่คนกรุงเทพฯ ต้องการ ทางนิตยสารของเราได้เห็นว่า คนกรุงเทพฯ ต้องการคือ สิ่งแปลกใหม่ที่มีความยอดเยี่ยม ไม่ว่าจะเป็นด้านสถานที่ อาหาร การดูแลสุขภาพ หรือแฟชั่น ที่ล้วนต้องเป็นข้อมูลสดใหม่ เราจึงตั้งชื่อนิตยสารว่า "awesome"  ที่แสดงถึงความยอดเยี่ยมของสิ่งที่อยู่ภายในเล่ม ซึ่งธีมในเล่มนี้คือ Night Life


awesome Magazine


   คอลั่มที่เรารับผิดชอบ คือ awesome CARE ทั้งหมด และ awesome FREE ในบางส่วน แต่แม้ชื่อจะระบุเพียงแค่นี้ แต่กระบวนการในการทำนิตยสาร หนึ่งคนจำเป็นต้องมีหลายหน้าที่ เช่น ออกแบบกราฟฟิค แต่งบทความ ถ่ายภาพ หาข้อมูลดิบ เป็นต้น ไม่เช่นนั้น นิตยสารก็จะไม่สามารถสำเร็จลุล่วงไปด้วยดี พวกเราจำเป็นต้องทำงานกันหามรุ่งหามค่ำเพื่อให้ได้งานที่มีคุณภาพและตรงตามคอนเซปที่ได้วางไว้ พวกเราต้องมีความพิถีพิถันในการออกแบบหน้าบทความของตัวเองไม่ว่าจะเป็นขนาด รูปแบบตัวอักษร สี รูปภาพที่ใช้ ต้องมีความเหมาะสมกับเนื้อหา


   ยอมรับว่าการวางแผนดีเป็นสิ่งที่สำคัญมากๆ เพราะการวางแผนดีเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ awesome ของเราประสบความสำเร็จได้ เมื่องานออกมาเป็นรูปเป็นร่าง ทำให้เริ่มเห็นว่าสิ่งที่เราทุ่มเทไปไม่เสียแรงเปล่า เพราะมันออกมาเกินคาดมาก เมื่องานของทุกคนมารวมกัน มันเป็นอะไรที่ลงตัวตรงตามคอนเซ็ปมากเลยค่ะ นิตยสารที่เราคิดไว้ในหัวต้องออกมาเป็นแบบนี้นะ แต่ไม่ค่ะ มันดีกว่าที่ไว้เยอะ ทุกคนมีความเป็นเอกลักษณ์ในตัวเองมีความถนัดเฉพาะด้าน โชคดีที่เราพอมีพื้นฐานในด้านโปรแกรม Adobe Photo Shop พอสมควร ทำให้ขั้นตอนนี้ไม่ยากนัก แต่จะมีปัญหาในการคิดรูปแบบการจัดหน้าคอลั่ม เพราะไม่เคยมีประสบการณ์มาก่อน ทำให้ต้องใช้เวลาไปเยอะมากในการออกแบบ แต่เชื่อเถอะค่ะไม่ว่าจะเป็นปัญหาอะไร หากเราใช้ความตั้งใจและความพยายาม ทุกอย่างก็จะผ่านไปอย่างงายดายเลย

   awesome จะไม่เป็น awesome ที่สมบูรณ์ได้เลย ถ้าขาดทีมงานคุณภาพ อย่างพิ้งกี้ เมท พี่รุ่ง ส้มโอ และที่ปรึกษายอดเยี่ยมอย่าง อาจารย์ นัทธีรัตน์ พีระพันธุ์ ที่ให้คำแนะนำให้พวกเราได้มีงานที่ออกมามีคุณภาพแบบนี้  ถือว่าเป็นประสบการณ์ที่ยอดเยี่ยมสำหรับพวกเรา แม้จะเป็นเพียงก้าวเล็กๆ แต่หากได้นำไปต่อยอด เราเชื่อว่าสักวันมันจะกลายเป็นก้าวที่ยิ่งใหญได้ ไม่ว่าจะเป็นอะไร

ทีมงานคุณภาพแห่ง awesome

    แหม.. พูดมาขนาดนี้แล้ว อยากจะเห็นผลงานของเราแล้วใช่มั้ยคะ ขอบอกว่าผลงานนี้เป็นนิตยสารเล่มแรกในชีวิตที่ทำขึ้นมา หากมีข้อผิดพลาดประการใด ก็ขออภัยไว้ตรงที่นี้ด้วยนะคะ :)

วันพุธที่ 30 มกราคม พ.ศ. 2556

สิ่งพิมพ์คุณภาพ

    สื่อสิ่งพิมพ์ เป็นสิ่งที่ใช้การพิมพ์เป็นหลัก เพื่อต้องการจะสื่อสารให้ผู้รับเข้าใจ ด้วยวัสดุกระดาษหรืออื่น ๆ ด้วยภาพหรือตัวอักษร
     วันนี้เราจะมาพูดถึงสิ่งพิมพ์ที่มีคุณภาพระดับเหรียญเงินกันดีกว่า สิ่งพิมพ์ที่ว่านี้ คือสิ่งพิมพ์ ชนิดโปสเตอร์ของผลิตภัณฑ์บำรุงเส้นผม ภายใต้แบรนด์ L'OREAL ที่มีชื่อว่า INOA ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์เปลี่ยนสีผม ซึ่งเปิดตัวในโอกาสครบ 100 ปี ของลอริอัล ในไลน์ Professional ของ Loreal Paris ที่ต้องทำในซาลอนเท่านั้น 

Bronze Awards (Poster)
5th Thaiprint Awards 2010

     จากโปสเตอร์จะเห็นว่า มีผู้หญิงอยู่ในฉากสีดำ รวมทั้งผิวกายที่มีการลงเงามืดเป็นบางจุด เพื่อให้เน้นสีผมประกายแดงโดดเด่นขึ้นมา เพื่อเน้นว่าเป็นผลิตภัณฑ์สำหรับเปลี่ยนสีผม ดอกไม้ที่แสดงถึงความอ่อนโยน ได้นำมาปิดหน้านางแบบเพื่อเบี่ยงเบนจุดเด่นแทนที่จะเป็นใบหน้าของนางแบบเป็นกลุ่มดอกไม้แทน เนื่องจากผลิตภัณฑ์นี้มีความอ่อนโยนต่อหนังศีรษะเพราะไม่มีส่วนผสมของแอมโมเนีย จะทำให้ลดความแสบหรือตึงหนังศีรษะ ไม่ทำให้แสบตาหรือมีกลิ่นฉุนจากแอมโมเนีย นอกจากนี้ยังไม่ทำร้ายเส้นผม จากโปสเตอร์จะเห็นได้ว่าเส้นผมมีความเด้งประกายเงางาม เพราะผลิตภัณฑ์นี้จะช่วยบำรุงและป้องกันทำให้ผมนุ่มลื่นหลังจากที่ใช้

    นอกจากโปสเตอร์ที่ได้รับรางวัลชิ้นนี้แล้ว ยังมีโปสเตอร์ของ INOA  คอลเลคชั่นนี้อีกมากมาย


     จะเห็นได้ว่าธีมของโฆษณาชิ้นนี้ จะค่อนข้างไปในทิศทางเดียวกัน มีเปลี่ยนแปลงอยู่ไม่มากนัก เช่นสีของดอกไม้ สีผมของนางแบบ และการจัดวางของรูปแบบ

     สิ่งพิมพ์จะมีคุณภาพหรือไม่มีคุณภาพนั้น ขึ้นอยู่กับวิธีการสื่อสารของสิ่งพิมพ์นั้น ๆ ว่าสามารถทำให้ผู้รับเข้าใจสิ่งที่ต้องการจะสื่อได้มากน้อยเพียงใด นอกจากนี้ยังต้องมีการแสดงออกของความคิดสร้างสรรค์ที่ีปรากฎอยู่ในสิ่งพิมพ์นั้นด้วย


ขอบคุณที่มา : http://www.thaigoodview.com/node/8063
                             :  http://www.thaiprintawards.com